ประกาศชัย สุรชาติ เทียนทอง ชนะขาด เตรียมเดินสายขอบคุณปชช.
เผยผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กรุงเทพมหานคร ในเขตหลักสี่-จตุจักร อย่างไม่เป็นทางการ พบว่า นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส. กทม. เขตหลักสี่ ปี 2554 คว้าชัยได้คะแนนนำห่างคู่แข่งอย่างมาก ท่ามกลางปรากฏการณ์การช่วยหาเสียงจากเพื่อนพ้องการเมือง ทั้งจากทีม พรรคเพื่อไทย ที่เป็นต้นสังกัด, พรรคไทยสร้างไทย, หรือแม้กระทั่ง คณะก้าวหน้า อาจจะเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งที่ทำให้เห็นแนวทางการทำงานและหาเสียงของนายสุรชาติที่ทำมาโดยตลอดคือ การเมืองสะอาด และพยายามไม่นำตัวเองไปสู่ความขัดแย้ง และนโยบายที่ชัดเจนจับต้องได้สำหรับคนในพื้นที่คือ ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็น 15-20 บาทตลอดสาย ก็อาจจะเป็นข้อหนึ่งที่โดนใจชาว กทม. รอบนอกที่ต้องเข้าเมืองไปทำงานทุกวันก็เป็นได้
แต่สิ่งหนึ่งที่คนใกล้ตัวสุรชาติ จะรู้กันนั่นก็คือ สุรชาติไม่เคยรับตำแหน่งกรรมาธิการ หรือเข้าไปเหยียบรัฐสภาเลย หากไม่ได้เป็น ส.ส. ทั้งก่อนการเลือกตั้งปี 2554 และหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่พ่ายแพ้ให้กับนายสิระ เจนจาคะ ซึ่งสุรชาติได้ชี้แจงเรื่องนี้บนเวทีปราศรัยโค้งสุดท้ายที่สวนสาธารณะเคหะทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมาว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับตนตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยไปเหยียบสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่ครั้งเดียว จะไปเหยียบก็ในฐานะผู้แทนราษฎรเท่านั้น และตนไปเหยียบสภาในฐานะผู้แทนราษฎรในปี 2554
“ในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา หลังจากพ่ายแพ้ทางการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยให้กำลังใจผมเยอะมาก และบอกว่าไม่ต้องเสียใจ ขอให้ไปช่วยงานที่พรรคและมีตำแหน่งอีกมากมายในสภา ผมกราบผู้ใหญ่ทุกคน ผมยินดีเพื่อพรรค แต่ขอเงื่อนไขเดียวจะไม่ไปเหยียบสภาผู้แทนราษฎรไม่ว่ากรณีใดๆ แต่จะไปเหยียบในฐานะผู้แทนราษฎรเท่านั้น”
ในทางกลับกัน สุรชาติ ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำงานการเมืองตั้งแต่ปี 2557 และหลังการเลือกตั้ง 2562 ในการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องเขตหลักสี่ ช่วยเหลือประชาชน ทั้งเรื่องทั่วไปอย่างเช่น ฉีดยุง ทำหมันแมวหมา หรือแม้แต่ในช่วงโควิด คือ การแจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และช่วยเหลือผู้ป่วย
ทางด้าน นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรค ได้กล่าว
“ขอขอบคุณประชาชนชาวหลักสี่จตุจักรที่ไว้ใจนายสุรชาติ ซึ่งผลคะแนนที่ยังไม่เป็นทางการ บ่งชี้ทิศทางการเมืองหลายเรื่อง ขอบคุณที่ไว้ใจฝ่ายประชาธิปไตย เพราะมีพรรคการเมืองทั้งหมด 8 พรรคที่ต่อสู้มาเป็นผู้แทนประชาชน มีการแข่งขันที่ดุเดือดและใช้กลยุทธ์หลายอย่าง ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ประกาศชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนพรรคอื่นสนับสนุนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ผลคะแนนที่เลือก พบว่ามีผู้ที่มาเลือกฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพียงเล็กน้อย แต่นี่เป็นบันไดก้าวแรกของฝ่ายประชาธิปไตย ที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของการเลือกตั้ง ที่ต้องการขับไล่เผด็จการ เพื่อเลือกอนาคตที่ดีกว่า ขอบคุณนายสุรชาติ ที่ทุ่มเททำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วยหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเรามั่นใจว่าเขาต้องได้รับชัยชนะ ขอบคุณทีมงานพรรคเพื่อไทยทุกคน เราให้เกียรติผู้แข่งขันทุกคน”