อัพเดทข่าวสารบ้านเมือง

cover-photo-3tnew

ศปก.ศบค. ถกมาตรการคุม Test & Go จ่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

มาตรการคุม Test & Go

เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่าการประชุม ศปก.ศบค. วันนี้  จะมีการประเมินภาพรวม มาตรการผ่อนคลายตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ อาทิ การปรับพื้นที่สีให้ประชาชนมีความคล่องตัวขึ้น ซึ่งนายกฯ สั่งการตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปีใหม่ ให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการเทสต์แอนด์โก จะปรับเพิ่มเงื่อนไขอย่างไรหรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า เทสต์แอนด์โกเงื่อนไขสำคัญ คือระยะเวลา 7 วัน เราจะต้องหาวิธีการควบคุมผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้ได้ เมื่อผ่าน 7 วันไปแล้วถือว่าปลอดภัย ย้ำว่าเมื่อเข้ามาครั้งแรกจะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR จากนั้นจะอยู่ในช่วงการควบคุมไว้สังเกต จะต้องมีระบบการติดตามว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ใช่การกักตัว โดยวันนี้เราจะพิจารณามาตรการเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น และมีข้อกำหนดชัดเจนและในวันที่ 5 และ 6 จะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR ซ้ำ เมื่อปลอดภัยก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยได้ เมื่อถามถึงการพิจารณากรณีสถานบันเทิง ที่ขออนุญาตปรับรูปแบบเป็นร้านอาหาร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากนี้จะมีการทยอยเปิดต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องจัดทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และเข้ารับการตรวจประเมินตามขั้นตอน

ประชุม

นอกจากนี้ พล.อ.สุพจน์ ยังกล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ว่า มีความจำเป็นต้องขยายออกไป เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่ผ่านมา ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 6 พันคนต่อวัน เราอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อลดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ เมื่อถามถึง กรณีที่กลุ่มผู้ปกครองจำนวนหนึ่งมีข้อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกการตรวจโควิด- 19 ด้วย ATK และการบังคับสวมใส่หน้ากากในโรงเรียน มีความกังวลใจหรือไม่หากเปิดเรียนเต็มรูปแบบ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดและสำคัญมาก เพราะเราเห็นหลายประเทศทั่วโลกที่ติดเชื้อสูง แต่เราต้องดูศักยภาพ และลักษณะของสังคม เพราะฉะนั้น ถ้าประเทศไทยไม่ช่วยกันใส่หน้ากากอนามัย ไม่ช่วยกันฉีดวัคซีน ไม่ช่วยกันตรวจเชื้อ โอกาสการแพร่เชื้อจะสูงมาก และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลเอาใจใส่สุขภาพ ระบบสาธารณสุขต่อประชาชน และหากเกิดปัญหาจะโกลาหลมากการรองรับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ช่วยกันสร้างความปลอดภัยต่อสถานที่ต่างๆ ก็จะกระทบต่อระบบสาธารณสุข และย้ำว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รับแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และทางโรงเรียนก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองหากมีข้อเสนอใด ก็สามารถประสานกระทรวงศึกษาธิการ มายังศปก.ศบค.ได้

ประชุม