อัพเดทข่าวสารบ้านเมือง

cover-photo-3tnew

นักวิชาการชี้คว่ำร่างรธน.มวลชน เหตุจ้องโค่นล้ม คสช. บ่อเกิดแห่งความตาย

คสช

รศ.ดร.เจษฎ์ กระตุกความคิด ชี้รัฐสภาตีตกร่างรธน.ฉบับประชาชนเพราะเนื้อหามีเจตนาจ้องโค่นล้ม คสช. ซึ่งนั่นคือการเดินหน้าสู่ความตาย

ถ้าเสนอแก้ไขกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ เสนอแก้ไข มาตรา 279 ถ้าให้คิดแทนคุณประยุทธ์ ผมคิดว่าคุณประยุทธ์อาจจะคิดว่าผมเอาปืนไปยิงคุณให้ตายยังง่ายกว่า ซึ่งอาจจะแก้ต่างว่าทำไปเพราะบันดาลโทสะ ก็ยังดีกว่าให้คุณมาเสนอล้างคำสั่ง คสช.และหัวหน้า คสช.ให้มีผลเป็นโมฆะทั้งหมด” บางมุมมอง..บางความคิดของ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก

กว่า 16 ชั่วโมงเต็มๆ ที่สมาชิกรัฐสภา (ส.ส.,ส.ว.) และตัวแทนฝ่ายประชาชนคือ นายปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า ได้ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. ในวาระแรก เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา และในที่สุดเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ที่ประชุมรัฐสภาก็ได้โหวตคว่ำร่างฉบับนี้ตีตกด้วยคะแนนเสียง 473 ต่อ 206 คะแนน นั่นคือไม่รับหลักการ 473 เสียง และรับหลักการ 206 เสียง จากเสียงของสมาชิกที่มีทั้งหมด 723 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง 

คสช1

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกฎหมายฉบับประชาชนนี้ที่มี นายพริษฐ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 135,257 คนเป็นผู้เสนอ หลังเปิดแคมเปญ “ขอคนละชื่อ-รื้อระบอบประยุทธ์” ที่ดำเนินการโดยกลุ่ม Re-solution โดยมีเนื้อหายกเลิกมาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 7 มาตรา 159 วรรคแรก เพิ่มมาตรา 193/1 มาตรา 193/2 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 11 หมวด 12 มาตรา 256 หมวด 16 ยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 และมาตรา 279

หรือจำประเด็นหลัก ๆ ที่ทางกลุ่มตัวแทนประชาชนต้องการเสนอให้มีการแก้ไขใหม่ใน 4 หัวใจสำคัญคือ 1.ล้มวุฒิสภา 2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันทั้งหมด ในลักษณะเซตซีโร่หมด 3.ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ โดยเสนอให้ตัดทิ้งมาตรา 257-261 ออกทั้งหมด และ 4.ล้างมรดกรัฐประหารจากยุค คสช. โดยให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 เพื่อทำให้คำสั่ง คสช.และหัวหน้า คสช.มีผลเป็นโมฆะทั้งหมด ซึ่งในมาตรานี้หากทำสำเร็จจะเป็นช่องทางให้นำไปสู่การเช็กบิลขั้วอำนาจเก่าอย่าง คสช.ได้

คสช2

เจาะประเด็นร้อน” โดย อักษร 8 ทิศ อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนนี้ถูกตีตกจากสภาแล้ว แนวทางการเคลื่อนไหวนอกสภานับจากนี้จะเป็นเช่นไร กลุ่มราษฎรและกลุ่มไม่เอาสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะยังคงเดินหน้าจัดชุมนุมเพื่อล้มระบอบประยุทธ์และปฏิรูปสถาบันอยู่อีกหรือไม่ ในเมื่อได้พื้นที่เวทีสภาผ่านตัวแทนคือ ปิยบุตร-พริษฐ์” ได้อภิปรายถึงความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราต่าง ๆ ดังที่เสนอไปแล้วนั้น

คสช3

วันนี้ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ชี้ประเด็นที่เป็นจุดพีคที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนี้ถูกตีตกได้แบบไม่ต้องคิดนานว่า.. การที่เสนอแก้ไขกฎหมายใหม่ โดยตั้งเป้าล้างมรดกรัฐประหารจากยุค คสช. ด้วยการให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 เพื่อทำให้คำสั่ง คสช.และหัวหน้า คสช.มีผลเป็นโมฆะทั้งหมดนั้น  คือการเดินสู่ความตาย

 ทำไม รศ.ดร.เจษฎ์ มองเช่นนั้น.. แล้วเราก็ได้คำตอบที่ไหลทะลักออกมาประหนึ่งลาวาแตกออกมาจากปล่องภูเขาไฟ  รศ.ดร.เจษฎ์ วิเคราะห์ให้ฟังว่า “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปโค่นล้มอำนาจรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารได้เกิดขึ้นแล้ว คำสั่งต่าง ๆ มีผลหมดแล้ว การคิดไปจ้องล้างมรดกรัฐประหารจากยุค คสช. จึงเป็นไปไม่ได้ที่ คสช. หรือผู้มีอำนาจจะปล่อยให้เกิดขึ้นได้”

คสช4

ถ้าเสนอแก้ไขกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ เสนอแก้ไข มาตรา 279 ถ้าให้คิดแทนคุณประยุทธ์ ผมคิดว่าคุณประยุทธ์อาจจะคิดว่าผมเอาปืนไปยิงคุณให้ตายยังง่ายกว่า ซึ่งอาจจะแก้ต่างว่าทำไปเพราะบันดาลโทสะ ก็ยังดีกว่าให้คุณมาเสนอล้างคำสั่ง คสช.และหัวหน้า คสช.ให้มีผลเป็นโมฆะทั้งหมด” รศ.ดร.เจษฎ์ ย้ำ

คสช5

“การจะรื้อ มาตรา 279 ทำไม่ได้เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาทันที จะเกิดการฆ่ากันตายเพราะผู้ก่อการรัฐประหารก็จะต้องโทษเป็นกบฏ และถูกประหารชีวิต เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ที่ระบุว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ,

2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ

3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งคงไม่มีใครยอม เฉกเช่นเดียวกันกับที่กลุ่มผู้ชุมนุม หากถูกดำเนินคดีด้วย มาตรา 113 คือประหารชีวิต จะยิมยอมหรือไม่” รศ.ดร.เจษฎ์ ชี้จุดพีค

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเหนือความคาดหมายที่ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถูกรัฐสภาตีตกได้อย่างง่ายดาย รศ.ดร.เจษฎ์ ยังกระตุกความคิดส่งตรงไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่า “หากยังคิดมุ่งแก้ไข มาตรา 279 จะเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตาย คุณจะได้ตายแน่ และตายอย่างเปล่าประโยชน์ คนฆ่าอาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย และจะยิ่งด้อยพัฒนาเพราะทุกวันนี้ก็เป็นประเทศด้อยพัฒนาอยู่แล้ว”

ถามว่าแล้วทางออกของประเทศมีหรือไม่ แนวทางที่จะเยียวยานับจากนี้เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรง มีหรือไม่ ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ชี้ทางออกให้ว่า “หากเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 279 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคตนั้น สามารถทำได้ โดยต้องพยายามทำให้คนทั้งประเทศเห็นเป็นไปทิศทางเดียวกันว่าการรัฐประหารนี้ผิดกฎหมายและผู้ที่ทำรัฐประหารต้องได้รับโทษ ต้องทำให้เชื่อมโยงกับกฎหมายและทำได้จริง ซึ่งจะทำเช่นนี้ได้ ประชาชนในประเทศต้องมีความเข้มแข็ง การรัฐประหารก็จะไม่เกิดขึ้น ผู้นำทางทหารก็จะไม่กล้าทำรัฐประหารอีก”

คสช6

รศ.ดร.เจษฎ์ กะเทาะเปลือกให้เห็นถึงการรัฐประหารว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้ชื่นชอบการรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารคือการยึดอำนาจประชาธิปไตย ยึดอำนาจของประชาชน และยึดพระราชอำนาจ เป็นรัฐาธิปัตย์ เป็นระบบรัฐสภาที่มีระบบเผด็จการซ้อนอยู่ ผู้ก่อการรัฐประหารต้องถูกลงโทษ แต่จะแก้ไขไม่ให้มีการรัฐประหารได้ ถ้าประชาชนในประเทศเข้มแข็ง

ในตอนท้าย รศ.ดร.เจษฎ์ ย้ำไปถึงกลุ่มผู้เสนอแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนและกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การมุ่งแก้ มาตรา 279 นั้น เป็นการคิดสั้นและขาดวุฒิภาวะ เพราะในส่วนของมาตราอื่น ๆ นั้นมีแนวทางแก้ไขได้ ในส่วนของ ส.ว.ที่ต้องการล้ม ถามว่าถ้าล้ม ส.ว.ชุดนี้ แล้ว ส.ว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาแทนชุดเดิม คุณยอมรับได้ไหม หรือถ้าเป็น ส.ว.แบบเดียวกับชุดรัฐธรรมนูญปี 2540 คุณยอมรับได้ไหม ซึ่งการเสนอกฎหมายในส่วนของการยกเลิก ส.ว. ก็ไม่ได้มีการเสนอทางออกแบบนี้ไว้ แต่ต้องการยกเลิกส.ว.ไปเลย หรือในส่วนขององค์กรอิสระ ก็สามารถปรับแก้ไขได้

ผมเห็นด้วยที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือให้มี ส.ส.ร.มาร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่มุ่งปฏิรูปสถาบัน ควรรณรงค์ให้มีการแก้ไขปัญหาของประเทศดีกว่าไหม ประเทศเรายังเป็นประเทศด้อยพัฒนา ขาดความเจริญในหลาย ๆ ด้าน ควรให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนได้กินดี อยู่ดี และมีความสุข..

ฉะนั้น แนวทางที่พรรคการเมือง หรือที่กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังทำอยู่นี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นจริง แต่คุณมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ถ้าคุณหวังดีให้บ้านเมืองดีขึ้นจริง จงไปคิดให้จงหนัก อย่าคิดว่าการเป็นนักการเมืองแล้วจะเลิศเลอ และจะสามารถแก้ปัญหาแบบพลิกฟ้า คว่ำดินได้ เพราะถ้าประชาชนอยู่ดี กินดี ประชาธิปไตยก็จะมาด้วยตัวมันเอง” รศ.ดร.เจษฎ์ ย้ำ