อัยการชี้คดีแอนทอง อยู่ที่การสอบสวนของตำรวจ ถ้าสั่งฟ้องต้องหามาคืน
กรณี แอน ทองประสม นักแสดงสาว ถูกลักทรัพย์ไปมูลค่าราว 20 ล้านบาท แม้ตำรวจจับลูกจ้างผู้ก่อเหตุแล้วแล้ว แต่บรรดาโรงรับจำนำบางแห่งคืน บางแห่งไม่คืน แต่ให้แอนมาไถ่เอง และทรัพย์บางส่วน ลูกจ้างนำไปใช้สอย มีประเด็นว่าทำอย่างไร แอน ทองประสม จึงจะได้ทรัพย์คืน
โดย นายประยุทธ เพขรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เนื่องจากขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการ ดังนั้น ข้อเท็จจริงทางคดีคงไม่ขอก้าวล่วงในการให้ความเห็น เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นและอยู่ในขั้นตอนของพนักงานอัยการพิจารณาคงจะได้แถลงอีกครั้ง ส่วนการติดตามคืนทรัพย์ให้กับทางผู้เสียหายนั้น ข้อกฎหมายเรื่องนี้ในกรณีพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในทางปฏิบัติเมื่อพนักงานอัยการฟ้องก็จะมีคำขอให้ศาลสั่งจำเลยให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่ยังไม่ได้คืนให้กับฝ่ายผู้เสียหายอยู่แล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43 สำหรับทรัพย์ที่ถูกลักเอาไปหากมีการนำไปจำนำกับทางโรงจำนำ ก็เป็นกระบวนการรวบรวม พยานหลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ที่นำไปจำนำดังกล่าวได้ ซึ่งข้อกฎหมายทรัพย์ที่นำไปจำนำ นั่นคือทรัพย์ที่ถูกประทุษร้าย ทางคดีอาญาต้องถือว่าเป็นวัตถุพยาน หรือของกลางในทางคดี
ส่วนประเด็นมีโรงจำนำมีการรับจำนำทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายไว้ว่าจะคืน หรือไม่คืน นายประยุทธ ได้มีความเห็นวไว้ว่า เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม โรงจำนำต้องถือว่าเป็นกิจการที่ทำธุรกรรมด้านรับจำนำเป็นปกติธุระ หากเป็นการรับจำนำโดยทั่วไปย่อมถือว่าเป็นการประกอบธุรกิจเป็นปกติธุระของตน แต่ถ้ามีข้อเท็จจริงปรากฏเพิ่มเติม เช่น ผู้ที่นำทรัพย์มีค่าจำนวนมหาศาลมาจำนำ ซึ่งหากดูพฤติการณ์หรือฐานานุรูปของผู้นำทรัพย์มาจำนำดูแล้ว ไม่น่าจะมีเพชรนิลจินดาจำนวนมากมายมาจำนำ พฤติการณ์เหล่านี้ก็อาจบ่งบอกได้ว่า โรงจำนำควรรู้หรือไม่ควรรู้ว่าทรัพย์ตนที่รับจำนำไว้เป็นของร้อน หรือของที่คนร้ายลักเอามาจำนำหรือไม่ อันจะเป็นประเด็นให้เจ้าพนักงานวินิจฉัยว่าโรงจำนำสุจริตหรือไม่สุจริตอีกด้วย เรื่องนี้ต้องดูเป็นกรณีไป.